หากใครสนใจศิลปะตะวันตก คงปฏิเสธไม่ได้ว่า "ฝรั่งเศส" เป็นดินแดนถิ่นกำเนิดต้นแบบแห่ง ศิลปกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งหนี่งของโลกตะวันตก อันเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ความเป็นชาติท่ียิ่งใหญ่มากใน อดีตไม่แพ้อาณาจักรโรมัน ศิลปกรรมดังกล่าวปรากฏออกมาในรูปของ จิตรกรรม ประติมากรรม และ โดยเฉพาะสถาปัตยกรรม ปราสาทราชวังต่างๆ ในประเทศฝรั่งเศสมีมากมายเหลือคณานับ ซึ่งล้วนแต่งดงามหยดย้อยยากจะหาที่ใดเปรียบปราน
นอกจากนั้น เสน่ห์อย่างหนี่งของการเที่ยวฝรั่งเศสก็คือการได้มีโอกาสพักใน "ชาโต" หรือปราสาทโบราณซึ่งได้ปรับปรุงให้เป็นโรงแรมที่พักมีระดับ มีเอกลักษณ์ของตนเอง อันเป็นประสบการณ์ที่ท่านจะ ไม่มีวันลืมทีเดียว
ที่สำคัญก็คือ "อาหารฝรั่งเศส" กับไวน์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เราจะนำท่านไปชิมอาหารที่คัดสรร แล้วในบรรยากาศแบบฝรั่งเศสแท้ๆ
บริษัท ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ จำกัด มีความภูมิใจเสนอโปรแกรมพิเศษสุดสำหรับท่านที่ รักและสนใจศิลปะฝรั่งเศส โดยนำท่านท่องประเทศฝรั่งเศสแบบเจาะลึกจริง ๆ
กำหนดการเดินทาง
วันที่สองของการเดินทาง แฟรงค์เฟิร์ต - ปารีส-ออมบวสส์
06.10 น. ถึงสนามบินแฟรงค์เฟิ ร์ต เปล่ียนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไป กรุงปารีส
07.15 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ LH 1026 สู่ปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส
08.25 น. ถึง สนามบินชาร์ลส์เดอโกล กรุงปารีส น าท่านผ่านข้ันตอนการตรวจคนเข้าเมือง แล้วน า ท่านเดินทางโดยรถโค้ชต่อไปยัง ชอมบอรด์
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย น าท่านชม ปราสาทชอมบอรด์ (CHATEAU DE CHAMBORD) ปราสาทที่เป็ นที่ยอมรับ ว่า เป็ นผลงานชิ้นส าคัญในสมัยฟ้ื นฟู
ศิลปะวิทยาการ ต้ังอยู่เหนือฝั่งแม่น้ า คอสซอง (COSSOON) เป็ นปราสาท
ท่ีมีรู ปร่างประทับใจมาก มีบันได ให ญ่ ที่ งด งาม และห ลังค าซ่ึ งมี ลัก ษณ ะแป ลกป ระห ล าด เดิ ม ปราสาทแห่งน้ีใช้เป็ นเพียงพลับพลา ล่าสัตว์ของบรรดาท่านเคานต์แห่ งบลัวส์เท่าน้ัน โดยพระเจ้าฟรังซัวส์
ที่ 1 เป็ นผู้เริ่มสร้างเม่ือประมาณ ปี ค.ศ. 1519 กล่าวกันว่าใช้คนงานถึง 1,800 คน เป็ นเวลา 15 ปี ต่อมาก็มีการสร้างเพิ่มเติมข้ึนหลายคร้ังหลายหน และใช้เป็ นที่ประทับของบรรดา กษัตริย์และพระญาติท้ังหลายของพระองค์ ต่อมาในปี ค.ศ.1932 รัฐบาลฝรั่งเศสได้ซ้ือ ปราสาทหลังน้ันไว้เป็ นของรัฐ จากน้ันเดินทางสู่เมืองออมบวสส์ (AMBOISE) น าท่านเข้า พักโรงแรม LE CHOISEUL หรือระดับเดียวกัน
19.00 น. รับประทานอาหารค่ าภายในโรงแรม
วันที่สามของการเดินทาง ออมบวสส์-ตูรส์-ออมบวสส์
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม
08.30 น. น าท่านชม ปราสาทเชอนองโซ (CHATEAU DE CHENONCEAUX) เป็ นปราสาทที่มีชื่อเสียงท้ังในด้านสถาปัตยกรรมและความรักอันดูดดื่มใน ลุ่มแม่น้ าแชร์ "โธมัส โบฮิเยร์" (THOMAS BOHIER) รอง ผู้ดูแลการคลังของแคว้นนอร์มังดี ได้ซ้ืออาคารโบราณและ โรงสีลมบนฝั่งเหนือของแม่น้ าแชร์ในปี ค.ศ. 1513 ได้ท า การซ่อมแซมก่อสร้างเพิ่มเติมข้ึน ใหม่ ปี ค.ศ. 1535 ลูก ของเขาได้ยกพ้ื น ที่ ท้ั งห มดให้ แก่ ท รั พ ย์สิ น ส่ วน พระมหากษัตริย์เพ่ือใช้หน้ีแทนบิดาของตน หลังจากน้ัน
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ได้พระราชทานปราสาทแห่งน้ีให้แก่ เดียนเดอปัวตีเยร์ (DIANE DE POITIERS) ชู้รักของพระองค์ในปี ค.ศ. 1547 ภายหลังมีการเปลี่ยนเจ้าของอีกหลายคร้ัง หลายครา จนปัจจุบันปราสาทเชอนองโซได้ตกเป็ นสมบัติของสกุลเมอนิเยร์ (MENIER) ผู้ เป็ นเจ้าของโรงงานผลิตช็อกโกแลต จากน้ันเดินทางสู่ เมืองตูรส์ (TOURS) เมืองหลวง
โบราณของตูแรนน์ (TOURAINE) ต้ังอยู่บนช่องแคบระหว่างเมืองลัวร์ (LOIRE) และเมือง แชร์ (CHER) เป็ นเมืองเล็กน่ารักมีกิตติศัพท์ว่าเป็ นเมืองท่ีบริสุทธ์ิของชาวฝรั่งเศส ไม่ว่า จะเป็ นอาหารหรืออากาศที่บริสุทธ์ิสดชื่น
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
บ่าย น าท่านชมความงามของเมืองตูรส์ จากน้ันน าชม ปราสาทออมบวสส์ (CHATEAU DE AMBOISE) ต้ังเด่นเป็ นสง่าอยู่บนท่ีราบสูงด้านทิศเหนือของตัวเมือง สร้างข้ึนในราว ปี ค.ศ. 496 ต่อมาได้กลายเป็ น
พระราชวังใน ปี ค .ศ. 1434 โดยใช้เป็ นที่ประทับของพระ เจ้าชารลส์ที่ 8 ซ่ึงพระองค์ได้ ประสูติและสิ้นพระชนม์ท่ีนี่ ในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 พระองค์ได้ใช้พระราชวังแห่ง
น้ีเป็ นคุกของรัฐ และในท่ีสุดต้ังแต่ปี ค.ศ.1950 เป็ นต้นมา พระราชวังแห่งน้ีได้กลายเป็ นท่ี อยู่ของเคานต์แห่งปารีส (COMTE DE PARIS) แห่งราชสกุลบูร์บอง ได้เวลาพอสมควรน า ท่านเข้าที่พักโรงแรม LE CHOISEUL หรือระดับเดียวกัน
19.00 น. รับประทานอาหารค่ า ภายในโรงแรม
วันที่สี่ของการเดินทาง ออมบวสส์-บูร์กส์-แคร์มองต์ แฟร์รองต์
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม
08.00 น. ออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองบูร์กส์ (BOURGES) ซ่ึงคร้ังหน่ึงเคยเป็ นเมืองหลวงของ แบรรี่ (BERRY) ในปัจจุบันเป็ นของเมืองแชร์ (CHER) ศูนย์กลางเก่าที่ต้ังอยู่บนเนินเขา และเมืองน้ียังคงอนุรักษ์บ้านทรงสมัยกลางให้เห็นอยู่เป็ นจ านวนมาก
11.00 น. ถึงเมืองบูร์กส์ น าชม โบสถ์เเซงต์ เอเตียน (CATHEDRAL ST.ETIENNE) เป็ นวิหารโกธิค (GOTHIC) ที่โดดเด่นท่ีสุด ที่ได้รับการออกแบบในปี ค.ศ. 1172
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย น าชม ปราสาทชาร์คเกอร์ (PALAIS
JACQUES-COEUR) ซ่ึ ง เ ป็ น
ปราสาทท่ีโอ่อ่าและตระการตามาก ของนายชาร์ค เกอร์ (JACQUES COEUR 1395-1450) ลูกชายพ่อค้า ข น สั ต ว์ แ ห่ ง เมื อ ง บู ร์ ก ส์ (BOURGES) เขาเริ่ มต้นด้วยการ เป็ นช่างทองให้ราชส านักแห่งฌอง
แห่งแบรร่ี (COURT OF JEAN DU BERRY) ต่อมาได้เป็ นช่างทองให้กับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 (CHARLES VII) ในระยะแรกเขาวิตกกังวลเร่ืองสภาพเศรษฐกิจหน้ีสิ นอยู่มาก แต่ จากน้ันไม่นานเขาเริ่มท าการค้าที่น่าสนใจโดยจ าหน่ายสินค้าประเภทหรูหราฟ่ ุมเฟื อย ให้กับราชวงศ์ จนได้รับแต่งต้ังให้เป็ นผู้ดูแลการเงินของกษัตริย์ และเขาได้เดินทางมาถึง จุดสูงสุดในอาชีพของตน ในขณะที่มีอายุได้ 50 ปี เขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างท่ีอยู่อาศัยท่ีมี ค่าโอ่อ่าให้กับตนเอง ปราสาทแห่งน้ีได้ใช้เวลาสร้างถึง 10 ปี เพื่อสนองความปรารถนา ของเขาแม้ว่าจะมีสงครามบ้าง โดยเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1445 เป็ นแบบฟลามโบยองต์ โกธิค (FLAMBOYANT GOTHIC) และได้น าวิวัฒนาการสถาปัตยกรรมตอนปลายยุคกลางเข้า ไปด้วย มีจ านวนห้องมากมาย แต่ละห้องยังมีทางเข้าออกเป็ นอิสระ ส่วนของบันไดก็มี การแกะสลักตามวัตถุประสงค์ของแต่ละห้อง ส่วนของโบสถ์ส าหรับสวดมนต์ แบ่งเป็ น สองส่วน ส าหรับเจ้าของบ้านและภรรยา จากน้ันออกเดินทางต่อไปยัง เมืองแคลร์มองต์ แฟร์รองด์ (CLERMONT-FERRAND) ซ่ึงเป็ นเมืองเก่าที่ไม่มีที่ใดเหมือน รวมท้ังโบสถ์ วิหาร ท่ีสร้างจากภูเขาไฟ อีกท้ังมีแนวลาวาสีด า ส่วนทางทิศตะวันตกของเมืองมีปี ย์เดอ โดม (PUY-DE-DOME) ซ่ึงต้ังอยู่บนภูเขา อาจจะพูดได้ว่าเป็ นจุดชมวิวที่งดงามที่สุดก็ได้ เหตุน้ีเองจึงท าให้เมืองแคลร์มองต์เป็ นเมืองที่มีท่ีต้ังงดงามหาที่ใดเปรียบได้ยาก แคร์มองต์ ยังเป็ นเขตเมืองอุตสาหกรรมที่ส าคัญที่ถือได้ว่าเป็ นเมืองหลวงแห่งยานรถยนต์
17.30 น. ถึงเมืองแคลร์มองต์ แฟร์รองด์
19.00 น. รับประทานอาหารค่ า อาหารท้องถิ่น
น าท่านเข้าท่ีพักโรงแรม HOLIDAY INN GARDEN COURT หรือระดับเดียวกัน (3 ดาว)
วันที่ห้าของการเดินทาง แคร์มองต์ แฟร์รองค์ลียง
07.30 น. รับประทานอาหารเช้า
09.00 น. ออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองลียง (LYON) ซ่ึงเป็ นเมืองที่ใหญ่เป็ นอันดับที่ 3 ของ ฝรั่งเศส
13.00 น. ถึงเมืองลียง รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย ชม พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ (MUSEE DES TISSUS) ซ่ึงแสดงเส้ือผ้า และสิ่งทอ โดยเฉพาะผ้า ไหมของลียง ที่มีประวัติความเป็ นมา
ต้ังแต่สมัยศตวรรษที่ 17 น าชม โบสถ์ นอตเตรอดามฟูวีแยร์ (BASILLQUE DE NOTRE DAME FOUVIERE)
ต้ังอยู่บนภูเขาที่จูเลียส ซีซาร์ (JULIUS CAESAR) เลือกเป็ นฐานทัพในการรบ กับชาวโกล (GAUL) ภายใต้การน าของ
กษัตริ ย์ออกุสตุส (AUGUSTUS) และส่ วนท่ี ย่ืนไปทางตอนเหนือของบาซิลลิกา (BASILLICA) น้ันเป็ นจุดชมวิวท่ีสวยมาก จากน้ันน าท่านเข้าที่พักโรงแรม COUR DES LOGES หรือระดับเดียวกัน
19.00 น. รับประทานอาหารค่ า
วันที่หกของการเดินทาง ลียง - ดีจอง
07.30 น. รับประทานอาหารเช้า
09.00 น. ออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองดีจอง (DIJON) เมืองที่ประวัติความเป็ นมาต้ังแต่ สมัยกลาง ส าหรับปัจจุบันเมืองดีจองเป็ น เมืองอุตสาหกรรมการค้า และยังเป็ น ศูนย์กลางการค้าไวน์เบอร์กันดี (BURGUNDY)12.30 น. ถึงเมืองดีจอง น าท่านรับประทานอาหาร กลางวัน
13.00 น. น าชม พิพิธภัณฑ์ศิลปะ (ART MUSEUM-PALAIS DES DUCS) หลังจากน้ันน าท่านชิม ไวน์ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสท่ี ไวน์แอนด์โวยาจ (WINE AND VOYAGES) อยู่ในเขตเบอร์ กันดีที่ได้รับการยอมรับว่าเป็ นเขตผลิตไวน์ช้ันดีท่ีสุดแหล่งหน่ึงของฝรั่งเศส น าท่านเข้าที่ พัก โรงแรม SOFITEL LA CLOCHE หรือระดับเดียวกัน
19.00 น. รับประทานอาหารค่ า ในโรงแรมที่พัก
วันที่เจ็ดของการเดินทาง ดีจอง-ฟองแตนโบล-ปารีส
07.30 น. รับประทานอาหารเช้า
09.00 น. ออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมืองฟองแตนโบล (FONTAINEBLEAU) เมืองท่ีอยู่ใกล้กับกรุง ปารีส เป็ นเมืองท่ีน่าจดจ าและน่าประทับใจอีกแห่งหน่ึง12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย น าชม ปราสาทฟองแตนโบล (FONTAINEBLEAU) มีความหมายว่า "ปราสาทน้ าพุท่ี งดงาม" ต้ังอยู่กลางป่ า เป็ นสถานท่ีท่ีน่าชมท่ีสุดแห่งหน่ึงท่ีอยู่ใกล้กับกรุงปารีส เป็ น ปราสาทที่พิเศษท้ังทางด้าน
ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ แ ล ะ สถาปัตยกรรม สร้างข้ึน คร้ังแรกในปี ค.ศ.1137 เพื่อ ใช้เป็ นพลับพลาล่าสัตว์ ต่อมาได้มีการสร้างป้อม
ปราการข้ึนมาโดยโธมัส เบคเกต (THOMAS BECKET) ซ่ึงขณะน้ันได้ถูกขับออกจาก ประเทศอังกฤษ เป็ นผู้วางศิลาฤกษ์วิหารแซงต์ ซาตูร์แนง (ST. SATURNIN) ข้ึนในปี ค.ศ. 1169 แต่ทว่าผู้ท่ีได้ชื่อว่า เป็ นผู้สร้างปราสาทฟองแตนโบลอย่างแท้จริง คือ พระเจ้า ฟรังซัวส์ที่ 1 โดยได้มีการว่าจ้างช่างอิตาเลี่ยนเข้ามาอย่างมากมาย ต่อมาพระเจ้านโปเลียน ที่ 1 ได้ใช้จ่ายเงินถึง 12 ล้านฟรังค์ในการบูรณะปราสาทฟองแตนโบล และที่ปราสาทแห่ง น้ีในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1804 พระองค์ได้ท าพิธีสละราชสมบัติ และทรงอ าลาต่อทหาร ของพระองค์ เมื่อเสด็จกลับจากเกาะเอลบา พระองค์ได้ทรงตรวจแถวทหารท่ีปราสาทแห่ง
น้ี ก่อนท่ีจะน ากองทัพไปยังพระราชวังตุยเลอรี ในกรุงปารีส
16.30 น. เดินทางสู่ กรุงปารีส (PARIS)
19.00 น. รับประทานอาหารค่ า
น าเข้าที่พัก ณ โรงแรม CONCORDE LA FAYETTE หรือระดับเดียวกัน
วันที่แปดของการเดินทาง ปารีส - แวร์ซายส์-ปารีส
07.30 น. รับประทานอาหารเช้า
09.00 น. น าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (VERSAILLES) พระราชวังที่โด่งดังที่สุดในฝรั่งเศส เริ่ม สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1624 โดยพระด าริของพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ในคร้ังแรกน้ันต้ังใจให้เป็ น เพี ยงพลับพลาส าหรับล่าสัตว์เท่าน้ัน แต่ต่อมาได้มีการสร้าง ปราสาทเพิ่มข้ึน แต่ผู้ท่ีได้ช่ือว่า เป็ นผู้ที่สร้างพระราชวังแห่ งน้ี จริงๆ คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในปี ค.ศ. 1661 เพ่ือเป็ นอนุสรณ์แด่ พระองค์เอง การก่อสร้างในคร้ัง น้ีได้ก่อสร้างอย่างใหญ่หลวงเป็ น ที่ ก ล่ าวกัน ว่ าใน แต่ ล ะ วัน มี
คนท างานถึง 22,000 คน ม้า 6,000 ตัว ค่าก่อสร้างสูงถึง 60 ล้านปอนด์ ซ่ึงท าให้ประเทศ ฝรั่งเศสยากจนลงมาก
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย เข้าชมพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ (LOUVRE) สร้างข้ึนปี ค.ศ. 1200 ริมฝั่งแม่น้ าเเซนน์ โดยพระเจ้าฟิ ลิปป์ ออกุสต์ (PHILIPPE AUGUSTE) ใช้เป็ นปราการป้องกันจุดท่ีอ่อนแอที่สุดของเมือง และใช้เป็ นคลังสมบัติ คลังแสงสรรพาวุธ และคลังเก็บเอกสารส าคัญ แรกสร้างน้ันมี พ้ืนที่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของพ้ืนท่ีปัจจุบัน ต่อมาในศตวรรษที่ 14 ปราการแห่งน้ีได้หมด หน้าที่ทางด้านการเป็ นป้องกันเมืองลง พระเจ้าชารลส์ที่ 5 (CHARLES V) ได้ทรงเปลี่ยน ปราการแห่งน้ีให้เป็ นท่ีพ านักแทน และยังได้สร้างห้องสมุดที่มีช่ือเสียงมากข้ึนบนหอคอย
แห่งหน่ึง พระนางแคทเธอรีนยังได้วางแผนในการสร้างแกล เลอรี่ ทางด้านตะวันตก (THE GALARIE DU BORD DE L' EAU) เพ่ือเป็ นทางส่วนพระองค์เชื่อมต่อพระราชวังลูฟว์กับ พระราชวังตุยเลอรี ผังท่ี สร้างเริ่ มต้นจากทางเดินของ พระราชวังลูฟว์ (PETITIE GALERIE) จากมุมด้านขวาไปยัง ท่าเรือขนานกับแม่น้ าเซนน์และส่วนทางด้านตะวันตกเช่ือมต่อ
กับพระราชวังตุยเลอรี แต่โครงการไม่ส าเร็จ ต่อมาในปี ค.ศ. 1594 เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4(HENRI IV) ได้เสด็จมาที่ปารีส พระองค์ได้มาสานต่อโครงการดังกล่าว โดยพระองค์ได้ สั่งให้ตกแต่งภายในพระราชวังตุยเลอรี และได้ต่อเติมแกลเลอร่ีด้านตะวันตกจนสมบูรณ์ พร้อมสร้างช้ันบนข้ึน เช่น ต าหนักฟลอเร่ พาวิเล่ียน (FLORE PAVILION)และแกลเลอรี่ อื่นๆ ทางด้านขวาอันเป็ นทางเช่ือมต่อกับพระราชวังตุยเลอรี เม่ือพระองค์สิ้นพระชนม์ใน ปี ค.ศ.1610 งานต่างๆ ก็หยุดลงโดยปริยาย ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 พระเจ้าชารลส์ที่ 10 และพระเจ้าหลุยส์ ฟิ ลลิป ได้เพิ่มคอลเลคชั่นให้แก่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ นอกจากน้ันในปี ค.ศ. 1947 ได้น าเอาศิลปะวัตถุจากประเทศต่างๆ เข้ามาอีก เช่น จากอียิปต์ กรีซ และอัสซีเรีย ยัง มีศิลปะวัตถุอื่นๆ อีกมาก ซ่ึงในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 300,000 ชิ้น โครงการ เดอะ เกรท ลูฟว์ (THE GREAT LOUVRE PROJECT) ท่ีต้ังข้ึนในปี ค.ศ. 1981 โดยประธานาธิบดี ฝรั่งเศสได้เตรียมบูรณะส่วนปี ก ริเชอลิเอร์ทิศเหนือ (THE NORTH RICHELIEU WING) ให้เป็ นพิพิธภัณฑ์ สถาปนิกชื่อเลียว หมิง เป่ ย (LEOH MING PEI) ได้สร้างส่วนต้อนรับ (RECEPTION CENTRE AND SERVICES) และได้พัฒนาส่วนด้านนอกเพิ่มข้ึน ส่วนใน คอร์ทนโปเลียน (THE COURT NAPOLEON) ซ่ึงเคยใช้เป็ นที่จอดรถก็ได้มีการสร้างปิ ระ มิดแก้วข้ึนเพ่ือให้แสงสว่างแก่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์
19.00 น. รับประทานอาหารค่ า ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
น าท่านเข้าที่พักโรงแรม CONCORDE LA FAYETTE หรือระดับเดียวกัน
วันที่เก้าของการเดินทาง ปารีส - กรุงเทพฯ
07.30 น. รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม
09.00 น. ชมทัศนียภาพอันงดงามของ กรุงปารีส ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าทางศิลปะ เช่น ประตูชัย (ARC DE TRIOMPHE) ซ่ึงเป็ นประตูชัยท่ีใหญ่ท่ีสุดในโลก สูงประมาณ 50 เมตร กว้างประมาณ 45 เมตร ชัลแกรง (CHALGRIN) เป็ นผู้ออกแบบก่อสร้าง เริ่มสร้าง ในปี ค.ศ. 1806 และมาส าเร็จในปี ค.ศ. 1836 ด้านหน้ามีภาพสลักนูนขนาดใหญ่ประดับ คือ ภาพถนนชองเซลิเซ่ (CHAMPS ELYSEES) ด้านขวามือเป็ นภาพการเดินทัพของทหาร ฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1792 เรียกกันว่า "มาซายแยส" (LA MARSEILLAISE) ซ่ึงเป็ นชื่อเพลง ชาติของฝรั่งเศส ออกแบบโดยรูด (RUDE) และเป็ นภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดภาพหน่ึงของ ฝรั่งเศส ด้านซ้ายมือเป็ นภาพการฉลองชัยชนะของพระเจ้านโปเลียนท่ี 1 ในปี ค.ศ. 1810ทางด้านหลังภาพขวามือแสดงการต่อสู้ของกองทัพฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1814 และซ้ายมือ เป็ นภาพสันติภาพในปี ค.ศ. 1815 ช้ันบนมีการ
สลักช่ือการรบพุ่ง 172 คร้ัง ที่ประเทศฝรั่งเศสมี
ชัยชนะ ใต้วงโค้งสลักช่ือนายพลฝรั่งเศสเป็ น จ านวนหลายร้อยคนที่ได้ท าการรบพุ่ง ผู้ท่ี เสียชีวิตในการสงครามจะมีชื่อขีดเส้นใต้ ภายใต้ ประตูมีหลุมฝังศพของทหารซ่ึ งไม่มีผู้รู้จัก (UNKNOWN SOLDIER) ซ่ึ งเป็ นเครื่ องหมาย สงครามโลก 2 คร้ัง ไฟท่ีจุดอยู่ได้จุดมาต้ังแต่ วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ.1923 ที่ฐานมีแผ่น ส าริดใหญ่จารึกวันท่ี 25 สิงหาคม ค.ศ. 1944 อัน เป็ น วัน ที่ ก รุ งป ารี ส ได้ ห ลุ ดพ้น จ าก ก าร
ครอบครองของกองทัพเยอรมันในสงครามโลกคร้ังที่ 2 ต้ังแต่ปี ค.ศ.1840 เมื่อขบวนแห่ ของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ได้ลอดประตูมา และมีผู้คนประมาณ 100,000 คน มาคอย แสดงความเคารพท่ามกลางความหนาวเย็น น าท่านผ่าน ถนนสายชองเซลิเซ่ (CHAMPS ELYSEES) ถนนสายส าคัญของฝรั่งเศสท่ีได้เคยใช้ส าหรับแห่ขบวนพิธีการส าคัญต่างๆ อาทิ งานศพคนส าคัญของฝรั่งเศส ผ่านชม ที่ฝังพระศพพระเจ้านโปเลียนแองวาลีด (DOME DES INVALIDES) ออกแบบโดย วิสคอนติ (VISCONTI) และฝังพระศพเมื่อ เดือนเมษายน ค.ศ.1861 ภายหลังที่พระองค์สิ้นพระชนม์ท่ีเกาะเซนต์เฮเลนามาแล้ว 40 ปี พระศพได้น ามายังสถานท่ีแห่งน้ีในเดือนธันวาคม ค.ศ.1840 หีบพระศพท าด้วยหินสีแดง แก่จากประเทศฟิ นแลนด์ ต้ังอยู่เหนือฐานสีเขียว หีบพระศพซ่ึงมีขนาด 4 x 2 เมตร สูง 4.5 เมตร ล้อมรอบด้วยระเบียงซ่ึงมีภาพสลักนูนต่ า 10 ภาพ แสดงถึงคุณประโยชน์ที่พระองค์ ได้ทรงกระท าประทานแก่ชนชาติฝรั่งเศส รอบหีบพระศพมีรูปบุคคล 12 คน แสดงถึงชัย ชนะอันใหญ่หลวงของพระองค์ และยังมีพระรูปของพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ทรงเครื่อง ราชาภิเษก ทางเข้าไปยังหีบพระศพมีจารึกจากพระพินัยกรรมของพระองค์ว่า "ข้าพเจ้า ปรารถนาที่จะให้อัฐิของข้าพเจ้าได้ฝังอยู่ริมแม่น้ าเเซนน์ (SEINE) ท่ามกลางประชาชนชาว ฝรั่งเศสซ่ึงข้าพเจ้ารักใคร่อย่างยิ่ง" รอบด้านบนของหีบพระศพยังมีวิหารอีกหลายวิหาร ฝัง ศพซ่ึงบางคร้ังก็มีแต่หัวใจของบุคคลต่างๆ เช่น พระญาติ นายพลทหาร แม้ว่าบางท่านจะ อยู่คนละสมัยกับพระองค์ จากน้ันชม หอไอเฟล (THE EIFFEL TOWER) (ไม่ขึ้นชม ด้านบน) อาคารที่สูงที่สุดในโลก คือสูงประมาณ 300 เมตร สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1889 ใช้เป็ น ส่วนหน่ึงของการจัดแสดงงานระดับนานาชาติท่ีจัดข้ึนที่ปารีส มีน้ าหนักถึง 7,000 ตัน ประกอบด้วยโลหะ 15,000 ชิ้น ตรึงด้วยหมุด 2,500,000 ตัว ชื่อของหอเรียกตามชื่อวิศวกร ผู้ออกแบบคือ กุสตาฟ ไอเฟล (GUSTAVE EIFFEL)
13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย เชิญท่านเลือกซ้ือของฝากทางบ้านตามอัธยาศัย ได้เวลาพอสมควรน าท่านเดินทางสู่ สนามบิน
17.00 น. เดินทางสู่สนามบิน
20.20 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ LH 1047 สู่ แฟรงค์เฟิ ร์ต
21.30 น. ถึงแฟรงค์เฟิ ร์ต เปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อกลับกรุงเทพมหานคร
22.45 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ LH 782 กลับกรุงเทพมหานคร
อัตราค่าบริการ ผู้ใหญ่ท่านละ บาท (พักห้องละ 2 ท่าน)
เด็กอายุต่ ากว่า 12 ปี ท่านละ บาท (พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน)
พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ บาท
ค่าต๋ัวเครื่องบิน กรุงเทพฯ- ปารีส - กรุงเทพฯ โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ช้ันนักท่องเที่ยว
ค่าท่ีพักอย่างดีในประเทศฝรั่งเศส 7 คืนตามที่ระบุในรายการ
ค่าอาหารอย่างดีทุกม้ือตามท่ีระบุในรายการ
ค่ารถโค้ชปรับอากาศน าเที่ยวตามที่ระบุในรายการ
ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ตามท่ีระบุในรายการ
ค่าธรรมเนียมวีซ่าเข้าประเทศฝรั่งเศส (เฉพาะหนังสือเดินทางไทย)
ค่าภาษีสนามบินท้ังใน และ ต่างประเทศ ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นบรรยายชมตามรายการ
ค่าหัวหน้าทัวร์ผู้มีความรู้บรรยายชมเป็นภาษาไทยตลอดรายการ
ค่าประกันอุบัติเหตุในวงเงิน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน)
ค่าหนังสือเดินทาง
ค่าอาหารและเคร่ืองดื่มนอกเหนือจากที่ระบุ ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีดเส้ือผ้า
ค่าน้ าหนักกระเป๋ าเกินจากท่ีสายการบินก าหนดท่านละ 20 กิโลกรัม ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอ่ืน ๆ
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
เนื่องจากรายการข้างต้นเป็ นรายการที่เสนอขายตลอดปี บริษัทจึงขอสงวนสิทธ์ิในการ เปลี่ยนแปลงรายการเดินทางอันเกิดจากเหตุสุดวิสัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงตารางการ บินภายในประเทศน้ัน ๆ หรือบังเอิญตรงกับวันหยุดเทศกาลประจ าปี หรือเนื่องจาก
ฤดูกาลท่ีเปล่ียนแปลง จนท าให้ไม่สามารถด าเนินไปตามรายการข้างต้นได้ ในกรณีที่ไม่ สามารถเข้าเข้าชมตามรายการได้บริษัทฯ จะชดเชยค่าเข้าชมคืน หรือจัดโปรแกรมอื่น ทดแทนตามความเหมาะสม ท้ังน้ีจะยึดถือประโยชน์ของท่านเป็ นส าคัญ
เอกสารส าคัญที่ใช้ในการขอวีซ่าฝรั่งเศส
1. หนังสือเดินทาง มีอายุเหลือใช้งานเกิน 6 เดือนนับจากวันเดินทาง (ถ้าเป็ นหนังสือเดินทางใหม่ ต้องแนบหนังสือเดินทางเล่มเก่าที่หมดอายุแล้วมาด้วย)
2. รูปถ่ายสี พ้ืนหลังต้องสีขาวเท่าน้ัน ขนาด 3.5 x 4.5 เซนติเมตร จ านวน 2 รูป และต้องถ่ายมาไม่ เกิน 6 เดือน โดยสถานทูตจะเปรียบเทียบกับรูปเก่าของวีซ่าเดิมท่ีมีในเล่มหนังสือเดินทาง
3. หลักฐานแสดงฐานะทางการเงินที่รับรองโดยธนาคาร และถ่ายส าเนาสมุดเงินฝากเล่มน้ันๆ ย้อนหลัง 3 เดือน จนถึงเดือนปัจจุบันท่ีจะใช้ยื่นวีซ่า
หรือ ส าเนาสมุดเงินฝากออมทรัพย์ ย้อนหลัง 3 เดือน ถึงเดือนปัจจุบันท่ีจะย่ืนวีซ่า และประทับตรา ธนาคารทุกหน้า
4. จดหมายรับรองการท างาน <เอกสารทุกชนิดต้องแปลเป็ นภาษาอังกฤษ หรือ ฝร่ังเศส>
- ถ้าเป็ นข้าราชการต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงาน และมีการอนุญาตให้เดินทางไป ราชการยังต่างประเทศมาแสดง
- ถ้าประกอบธุรกิจส่วนตัว ขอเอกสารการจดทะเบียนและหนังสือรับรองการจดทะเบียน บริษัท (แปลเป็ นภาษาอังกฤษ) พร้อมส าเนาบัญชีเงินฝากของบริษัทฯ ย้อนหลัง 3 เดือน
- ถ้าเป็ นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัท ต้องมีหนังสือรับรองจากนายจ้าง หรือหน่วยงานที่ สังกัดอยู่ ระบุต าแหน่ง วันท่ีเข้าท างาน เงินเดือน และช่วงระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ลา พักร้อน พร้อมสลิปเงินเดือน 3 เดือนล่าสุด (ภาษาอังกฤษ)
- ถ้าหากเป็ นเด็กนักเรียน ขอหนังสือรับรองว่าเป็ นนักเรียนจากโรงเรียนน้ัน ๆ
(ภาษาอังกฤษ)
5. ส าเนาบัตรประจ าตัวประชาชน
6. ส าเนาทะเบียนบ้าน
7. ท่ีอยู่ปัจจุบัน ท่ีอยู่ท่ีท างาน โดยละเอียดชัดเจน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีที่ สถานทูตติดต่อกลับ
8. กรณีเด็กอายุต่ ากว่า 20 ปี บริบูรณ์: เดินทางต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติมดังนี้
8.1 เด็กเดินทางกับบุคคลอื่น บิดามารดาต้องท าหนังสือแสดงความยินยอมซ่ึงออกให้โดย ที่ว่าการเขตหรืออ าเภอเท่าน้ัน (แปลเป็ นภาษาอังกฤษด้วย)
8.2 เด็กเดินทางกับบิดา มารดาต้องท าหนังสือแสดงความยินยอมซ่ึงออกให้โดยท่ีว่าการเขต หรืออ าเภอเท่าน้ัน (แปลเป็ นภาษาอังกฤษด้วย)
8.3 เด็กเดินทางกับมารดา บิดาต้องท าหนังสือแสดงความยินยอมซ่ึงออกให้โดยที่ว่าการเขต หรืออ าเภอเท่าน้ัน (แปลเป็ นภาษาอังกฤษด้วย)
(สงวนลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย เนื่องจากโปรแกรมของบริษัทฯ ถูก "คัดลอก" จากหลายบริษัททัวร์)
1091/153-4 ช้ัน 6 อาคารเอส กรุ๊ป ศูนย์การค้าเมโทร ถ.เพชรบุรี ซอย 33 มักกะสัน ราชเทวี กรุงเทพ 10400โทร. 02 651-6900 (อัตโนมัติ) โทรสาร 02 651-7509 ใบอนุญาตเลขที่ 11/097