เที่ยวบึงกาฬต้องไม่พลาด ภูทอก มาทอดสอบกำลังขา ชมวิวสวย 360 องษา ยิ่งสูง ยิ่งสวย ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) สายบุญต้องมาให้ได้
เมื่อคิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวบึงกาฬ เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ ภูทอก แน่นอน ซึ่งภูทอกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและปีนขึ้นได้นั้นจะเป็นภูทอกน้อย ซึ่งไปง่าย เดินทางสะดวก อยู่ในวัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภูทอกนั่นเอง หน้าฝนก็มาเที่ยวได้ ป่ายิ่งเขียวขจีรอให้ทุกท่านมาเชยชม แต่ว่าแนะนำให้ฝนหยุดก่อน หรือดูพยากรณ์อากาศมาก่อน วันไหนฝนตกหนักไม่แนะนำให้ขึ้นเพราะอาจจะลื่นได้ง่าย ๆ และหาที่หลบฝนยากอีกด้วย
ในช่วงชั้นของการปีนขึ้นภูทอกนั้น แรก ๆ ระหว่างชั้น 1 ชั้น 2 ยังเดินได้ชิว ๆ เพราะไม่ใช่ทางชัน เป็นการเดินผ่านป่าไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะหลง เพราะมีเส้นทางให้เดินชัดเจน อารมณ์เหมือนเดิมป่าศึกษาธรรมชาติในอุทยาน ฯ ต่าง ๆ เลย
ทางเดินรอบ ๆ ภูทอกนั้นจะเป็นสะพานไม้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ใครที่กลัวความสูงไม่ค่อยอยากแนะนำให้ขึ้น แต่ถ้าขึ้นควรอยู่ใกล้ชิดกับคนอื่นเข้าไว้ เพราะเพื่อนคนที่ไปด้วยกันก็กลัวความสูง หันหน้ามองวิวไม่ได้เลย หันหน้าเข้าผนังหินตลอด เกาะเป็นตุ๊กแกเลยทีเดียว
ในบางจุดนั้นบันไดจะชัน และชันขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ว่าก็เดินสะดวก บันไดแข็งแรง เวลาที่ขึ้นนั้นไม่ต้องขึ้นไปชั้น 7 บนสุดก็ได้ เพราะด้านบนนั้นเป็นป่าที่รกทึบ เราเองเกือบจะลงมาไม่ได้แล้วต้องติดอยู่บนนั้นเพราะหลงทาง ขึ้นไปถึงแค่ชั้น 6 ก็ได้เสพวิวสวย ๆ กันแล้ว เดินตามสะพานไม้ก็ชมได้แบบ 360 องศาเลย
เวลาเดินเหนื่อย ๆ มองหาจุดที่พักได้ก็นั่งพักเลย แต่ละคนใช้ระยะเวลาในการปีนภูทอกไม่เท่ากัน ใครไหวก็ไปก่อนเลย ส่วนเราเองยังต้องหาจุดแวะพักเรื่อย ๆ เพราะปกติไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ ทำงานอยู่แต่กับหน้าคอม ฯ พอได้ออกมาเที่ยวเดินป่า ปีนเขาทีก็เหนื่อยกว่าใครเลย
สิ่งหนึ่งที่เราพลาดคือไม่ได้ถือน้ำเปล่าติดมือขึ้นไปด้วย ฉะนั้นหากท่านใดจะเที่ยวภูทอก ก็อย่าลืมถือน้ำเปล่าขวดเล็ก ๆ ติดขึ้นไปด้วยและให้จิบเบา ๆ เวลากระหายก็พอ
รองเท้าที่อยากจะแนะนำนั้น แนะนำเป็นรองเท้าผ้าใบจะสะดวกกว่า แต่ถ้าใครมีรองเท้าเดินป่าก็ใช้แบบนั้นเลยก็ได้ ยังดีกว่าการใช้รองเท้าแตะเพราะว่าเสี่ยงที่จะลื่นได้ง่ายมากในหลายจุด และเวลาขึ้นไปยังชั้นสูง ๆ อาจเผลอทำรองเท้าหล่นลงเหวไปได้ มันจะตามเก็บไม่ได้แน่ ๆ รองเท้าผ้าใบยังไงก็หลุดยากกว่า
การเตรียมตัวเที่ยวภูทอก บึงกาฬ
- เดินทางมาถึงวัดภูทอกให้เร็ว หากเดินทางมาถึงค่ำเกินไปอาจหมดเวลาขึ้น หรือถึงจะยังขึ้นได้แต่ตอนลงอาจจะมืด ลงลำบาก มาขึ้นช่วงเช้า ๆ หรือสาย ๆ จะเหมาะกว่า ตอนลงจะไม่ค่ำเกินไป
- ใส่ชุดที่เดินคล่องตัว สวมรองเท้าผ้าใบที่ไม่กัดเท้า เดินสะดวก ๆ
- เตรียมน้ำเปล่าขวดเล็ก ๆ ถือติดตัวขึ้นไปด้วย เพราะด้านบนไม่มีอะไรขายสักอย่าง
- ส่วนการทำบุญ ทำทานนั้น ตามศรัทธา ตามสะดวกของแต่ละคนได้เลย ไม่มีการบังคับ ไม่ทำก็ไม่มีใครว่าอะไร
- ทานข้าวให้อิ่มก่อนปีกภูทอก หากยังไม่ได้ทานมาด้านหน้าวัดมีร้านอาหาร ร้านขายของแวะหาอะไรลงท้องเสียก่อน มิเช่นนั้นหมดแรงตั้งแต่ชั้น 2 แน่ ๆ
- หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่มาก่อนก็ยังดี อย่างน้อยจะทำให้ตอนเที่ยวจะรู้สึกอินไปกับบรรยากาศมากขึ้น
- คนที่กลัวความสูงแต่อยากจะปีนภูทอกจริง ๆ หายใจเข้าลึก ๆ และไม่ควรอยู่ห่างเพื่อนคนอื่น หน้าผาที่มองลงไปมันก็ทำเอาใจหวิวได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
อย่างไรก็ดีจะมาเที่ยวบึงกาฬ หากมีภูทอกอยู่ในโปรแกรมด้วย ก็จะต้องเฉลี่ยเวลาให้พอดี เพราะที่นี่ค่อนข้างจะกินเวลาหลายชั่วโมงเหมือนกัน จะมาแล้วแวะถ่ายรูปเลยก็แทบไม่ได้ เพราะมันจะต้องใช้กำลังขาในการปีน ใช้เวลาในการปีน บางทีแค่ที่นี่ที่เดียวตอนลงมาก็แทบอยากจะกลับห้องพักไปตากแอร์เย็น ๆ แล้ว
การเดินทางมาเที่ยวภูทอกน้อย บึงกาฬ ที่วัดเจติยาคีรีวิหาร(วัดภูทอก)
การเข้าชมและมาปีนเขา 7 ชั้นที่ภูทอก มาได้เลยเปิดทุกวัน เข้าฟรี และสำหรับท่านไหนที่ยังไม่เคยมานั้น ปัก GPS มาเลย พิมพ์ใน Map ว่า วัดภูทอก ก็ได้ มันจะพามาถึงแน่นอน แต่ย้ำอีกครั้งว่าให้เดินทางมาถึงเร็ว ๆ ในช่วงเช้าเลยจะดีมาก อย่างน้อยหลังจากลงเขาภูทอกมานั้นจะยังพอมีเวลาไปเที่ยวจุดอื่นต่อได้หากท่านไม่หมดแรงเสียก่อน
GPS: https://goo.gl/maps/xFGrfDS4QfPKeCto7?coh=178573&entry=tt
Facebook : วัดเจติยาคีรีวิหาร ภูทอก จ.บึงกาฬ
ภูทอกยังคงเป็นเขาที่เตรียมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ธรรมชาติยังคงงดงามรอต้อนรับให้ทุกท่านได้เข้าไปชม เสพวิวกันให้เต็มอิ่ม ทุกชั้นตามสะดวกเลย ใครปีนได้กี่ชั้นก็เอามาแชร์กันได้ ส่วนเราขึ้นไปครบ 7 ชั้นเลย แต่ก็เกือบจะหลงทาง เลยแนะนำให้ขึ้นถึงชั้น 6 ก็พอ ชั้น 7 ป่ารกทึบเกินไปแล้วยังมีงูชุมอีกด้วย การเที่ยวภูทอกนี้ควรเที่ยวด้วยความสงบสำรวม ไม่เสียงดังเนื่องจากอยู่ในเขตวัดและไม่นำอะไรกลับออกมาด้วยยกเว้นขยะของเราและภาพถ่ายกับความทรงจำดี ๆ ก็พอแล้ว ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเดินทาง
เนื้อหารีวิว/ภาพประกอบ/บุคคลในภาพ : AiQing (ผู้เขียน)
ภาพปก : Canva